ข้อมูลข่าวสารที่หลั่งไหลอย่างไม่หยุดยั้ง รวมถึงองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลาในยุคปัจจุบัน ทำให้เราไม่สามารถหยุดนิ่งอยู่กับที่
แต่มีความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตัวเชิงรุก เพื่อพาตนเองไปยังแหล่งข้อมูลที่เป็นองค์ความรู้ใหม่ๆและนำความรู้เหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ ต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่า Learning Agility อันเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับวิธีการเรียนรู้ในยุคปัจจุบัน
Learning Agility คืออะไร…
Dr. W. Warner Burke นักวิชาการจาก The Teachers College at Columbia University ได้กล่าวว่าผู้ที่มี Learning Agility นั้น คือผู้ที่เชื่อมโยงข้อมูลจากประสบการณ์ในอดีตและปัจจุบัน และสามารถใช้ข้อมูลนั้นทำความเข้าใจในสิ่งต่างๆ บนโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ในขณะที่ นักวิชาการด้านโค้ชชิ่ง อธิบายลักษณะของ Learning Agility ว่า เป็นความสามารถในการประยุกต์ใช้สิ่งที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงมีความยืดหยุ่นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย หรือเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอแบบไม่หยุดนิ่ง
Learning Agility ยังหมายถึง ความต้องการศึกษาหาความรู้อย่างรอบด้านในหลายๆ แขนง และทำความเข้าใจ พร้อมทั้งเชื่อมโยงหลักการที่เป็นแก่นสำคัญของแขนงต่างๆ เหล่านั้น โดยนำหลักการสำคัญที่ได้เรียนรู้มาประยุกต์ใช้กับสิ่งที่เรามีความเชี่ยวชาญอยู่เดิม นำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่เป็นประโยชน์ โดยผู้ที่มีคุณลักษณะข้างต้นเรียกว่า “Expert-generalist” หรือ “ผู้รอบรู้อย่างลึกซึ้ง”
เรียนรู้รอบด้านแล้วจะกลายเป็น “มนุษย์เป็ด” หรือไม่…
หลายคนอาจตั้งข้อสงสัยว่า การแสวงหาความรู้ในหลายเรื่องจะทำให้เราหลายเป็น “มนุษย์เป็ด” ที่รู้รอบแบบผิวเผินและไม่สามารถสร้างประโยชน์หรือไม่? อาจจะตอบข้อสงสัยดังกล่าวได้ว่า เราจะห่างไกลจากการเป็นมนุษย์เป็ด หากเราแสวงหาความรู้ให้รอบด้านและลึกซึ้งมากพอ จนสามารถสกัดแก่นสำคัญของเรื่องที่เราศึกษาได้ ในบทความนี้
ขอยกตัวอย่างบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่มีคุณลักษณะของ Learning Agility อย่างชัดเจน และคู่ควรแก่การนำมาเป็นแบบอย่างสำหรับวิธีการเรียนรู้นั่นก็คือ Elon Musk ผู้ซึ่งเป็น Expert-generalist โดยสมบูรณ์
Elon Musk – แบบอย่างของผู้ที่มี Learning Agility
หากพูดถึงนักธุรกิจที่โดดเด่นและประสบความสำเร็จอย่างมาก คงหนีไม่พ้น Elon Musk ผู้สร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์และน่าตื่นตาตื่นใจให้โลกได้เห็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเขาไม่ได้มีพลังวิเศษเหนือคนทั่วไปแต่อย่างใด แต่เป็นวิธีการเรียนรู้ของเขาต่างหาก ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้ โดยวิธีการเรียนรู้หลักๆ 2 อย่างของ Elon Musk คือ
1.อ่านมากและหลากหลาย
Elon Musk อ่านหนังสือจำนวนมาก เขาอ่านหนังสือวันละ 2 เล่ม หากคำนวณปริมาณต่อเดือน เท่ากับว่า เขาอ่านหนังสือเดือนละ 60 เล่มด้วยกัน โดยหนังสือที่เขาอ่านนั้นเป็นความรู้จากหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็น การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ชีวประวัติของนักวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม การเป็นผู้ประกอบการ ฟิสิกส์ การออกแบบสินค้า ธุรกิจ เทคโนโลยี พลังงาน นิยายวิทยาศาสตร์ หรือแม้กระทั่ง ปรัชญา และศาสนา ซึ่งความรู้ที่หลากหลายนี้ช่วยให้ Elon Musk สามารถนำไปต่อยอดให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ ได้
2.ถ่ายโอนความรู้ (Learning Transfer)
การถ่ายโอนความรู้ของ Elon Musk นั้นเป็นสิ่งที่เขาทำต่อเนื่องมาจากการอ่าน เขานำความรู้ที่ได้จากเรื่องหนึ่งมาประยุกต์ใช้กับอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเขาต้องเข้าใจถึงหลักการพื้นฐานสำคัญก่อน จึงจะสามารถถ่ายโอนความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ จากองค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้น
โดยกระบวนการหลัก 2 ส่วน ตามแบบฉบับของ Elon Musk ที่จะนำไปสู่การถ่ายโอนความรู้ที่ประสบความสำเร็จ สิ่งแรกที่จะต้องทำคือทำความเข้าใจเพื่อหาหลักการหรือแก่นสำคัญของเรื่องนั้น โดยศึกษาแนวคิดที่หลากหลายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นถึงความเหมือนและความต่าง อันนำไปสู่ความเข้าใจในหลักการสำคัญของเรื่องนั้นได้
หากเข้าใจในหลักการสำคัญแล้ว ขั้นต่อมา คือ การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ โดยนำหลักการพื้นฐานสำคัญของความรู้จากหลากหลายแขนงมาประยุกต์ใช้ร่วมกับความเชี่ยวชาญที่มีอยู่แล้ว ดังจะเห็นได้จากสิ่งประดิษฐ์ของ Elon Musk ที่มาจากการถ่ายโอนความรู้จากแขนงต่างๆ ไปยังความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของเขา เช่น จรวดขนส่งไปอวกาศ จากโครงการ SpaceX ที่มาจากการผนวกองค์ความรู้ด้านอวกาศ… รถยนต์ Tesla ที่มีฟังก์ชันการขับเคลื่อนด้วยตนเอง มาจากการผนวกองค์ความรู้ด้านยานยนต์ หรือ การผนวกองค์ความรู้ด้านศาสตร์การบิน อันนำไปสู่การคิดค้นเครื่องบินที่สามารถเคลื่อนที่จากพื้นดินสู่อากาศในแนวดิ่ง
การฝึกฝนเพื่อให้เป็นผู้ที่มี Learning Agility นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่อาจฝึกได้ภายในชั่วข้ามคืน เนื่องจากเราจะต้องออกจาก Comfort Zone เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ที่เราไม่มีพื้นฐาน จะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจในการศึกษาหาความรู้ ซึ่งอาจไม่ใช่สิ่งที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับเราได้ในทันทีทันใด อย่างไรก็ตาม หากเราเข้าใจและมองว่าสิ่งนั้นอาจสร้างประโยชน์และโอกาสได้ในอนาคต และมองดูบุคคลตัวอย่าง เช่น Elon Musk ที่ประสบความสำเร็จจากการมีวิธีการเรียนรู้อันน่าทึ่งแล้ว ก็จะเป็นแรงผลักดันชั้นดีที่เราจะพัฒนาไปเป็นผู้ที่มี Learning Agility
ในระดับองค์กร การสร้าง Learning Agility ให้กับบุคลากรถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่องค์กรกำลังเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงที่ยากต่อการคาดเดา องค์กรต้องการบุคลากรที่มีทักษะนี้ เพื่อรับมือกับปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น การสร้างทักษะเหล่านี้ไม่เพียงแต่จำเป็นกับบุคลากรระดับผู้บริหาร แต่ควรจะสร้างให้เกิดกับบุคลากรทุกระดับ เพื่อผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว
สรุปและเรียบเรียงจากบทความ How Elon Musk Learns Faster And Better Than Everyone Else โดย Michael Simmons
Pingback: real viagra for sale online
Pingback: safe online roulette
Pingback: viagra 50mg price walmart
Pingback: cialis dosage 40 mg
Pingback: cialis daily 5mg daily order united states
Pingback: 25mg sildenafil walmart
Pingback: yellow viagra tablets
Pingback: slots jackpot casino download
Pingback: pills that look like viagra
Pingback: was ist viagra