การมีผู้นำในองค์กรที่มีศักยภาพในการปรับตัวและมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้องค์กรอยู่รอด ชื่อผู้นำที่โดดเด่นขึ้นมาก็คือ Reed Hastings
หัวเรือใหญ่ของบริษัท Netflix ผู้ให้บริการด้าน VDO Streaming ชื่อดัง Hastings มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการให้บริการที่ดีกว่าในด้านการนำเสนอคอนเทนท์รูปแบบวีดิโอให้กับลูกค้า ซึ่งถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญ โดยไม่ยึดติดกับการทำธุรกิจแบบเดิมที่เคยสร้างกำไรให้เขาเป็นกอบเป็นกำ
ยุคแรกของ Netflix และอุปสรรคที่พบเจอ
แรกเริ่ม Netflix ดำเนินธุรกิจด้วยการให้บริการ DVD-by-mail หรือปล่อยเช่าแผ่นดีวีดี โดยส่งไปตามที่พักอาศัยของลูกค้าที่สมัครเป็นสมาชิก ในปี 2553 โมเดลธุรกิจดังกล่าวประสบความสำเร็จมาก ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Blockbuster ผู้ให้บริการเช่าแผนดีวีดีภาพยนตร์และวิดีโอเกมประสบกับภาวะล้มละลาย เนื่องจากไม่สามารถสู้กลยุทธ์ของ Netflix ที่คิดค่าบริการแบบคงที่ (Flat Fee) โดยไม่จำกัดจำนวนดีวีดีได้
ในปีต่อมา Netflix ยังคงปรับปรุงและพัฒนาโมเดลธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยเปิดบริการด้าน Online Video Streaming แต่ก็ยังประสบปัญหา สร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้า เนื่องจาก Netflix มีการคิดค่าบริการสูงขึ้นถึง 60% คิดเป็น 16 ดอลลาร์ต่อเดือน สำหรับแพ็คเกจสั่งดีวีดีหนึ่งแผ่นต่อครั้ง พร้อมกับ Internet-Streaming ซึ่งจากเดิมมีค่าบริการเพียง 10 ดอลลาร์ต่อเดือนเท่านั้น นอกจากนั้น Netflix ยังไม่ประสบความสำเร็จในการเจรจราต่อรองธุรกิจกับเจ้าของค่ายหนังต่างๆ เนื่องจาก ณ ขณะนั้น Netflix ไม่มีข้อเสนออะไรที่น่าดึงดูด จึงนำไปสู่การคิดค่าบริการที่สร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้านั่นเอง
การนำของ Reed Hastings สู่โมเดลธุรกิจใหม่
Reed Hastings เห็นว่าถึงเวลาที่องค์กรจะต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลง ด้วยการก้าวข้ามศักยภาพเดิมที่มีอยู่ และพัฒนาตนเองโดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นที่หนึ่งในด้านการนำเสนอคอนเทนท์รูปแบบ Online Streaming โดยในตลาด คู่แข่งที่สำคัญคือบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการและผลิตคอนเทนท์ในสหรัฐอเมริกาอย่าง HBO ซึ่ง Hastings ปรับตัวโดยตัดสินใจผลิตคอนเทนท์ของตัวเองขึ้นมา โดยนำเสนอคอนเทนท์ให้มีความหลากหลายและครอบคลุมผู้บริโภคให้มากที่สุด คอนเทนท์ดังกล่าวรวมไปถึง ละครซีรีส์ โดยในปี 2556 มีซีรีส์ที่ถูกนำมาต่อยอดและสร้างใหม่หลายเรื่องด้วยกัน ส่วนใหญ่เป็นผลงานคุณภาพ เช่น “Arrested Development” “Orange is the New Black” และ “House of Cards” ทั้ง 3 เรื่องนั้น เข้าชิงรางวัล Emmy Awards ทั้งหมด 14 ประเภท โดย House of Cards คว้าไปถึง 3 รางวัล และถึงแม้ว่าเงินลงทุนในการผลิตคอนเทนท์นั้นจะสูงกว่า 100 ล้านดอลลาร์ สำหรับ 2 ซีซั่นแรกของ House of Cards แต่ก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างมาก
ความสำเร็จของ Netflix แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Reed Hastings ในฐานะของผู้นำที่มีความพยายามอันไม่ลดละที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ กล้าตัดสินใจ กล้าเสี่ยง ซึ่งบางคนอาจคิดว่าเป็นคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับองค์กร Start-up เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว Reed Hastings ยังคงใช้ทักษะเหล่านั้นในการบริหาร Netflix ซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นองค์กรมหาชนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ผู้บริหารบางคน อาจมัวสนใจแต่เรื่องของกำไรขาดทุนจนลืมพัฒนาทักษะที่จะส่งเสริมความสามารถในการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งในยุคที่มีความไม่แน่นอนในทุกๆ ด้าน
ยิ่งปรับ ยิ่งได้เปรียบ เป็นคำสำคัญที่ผู้คนในองค์กร โดยเฉพาะผู้นำในองค์กร ต้องพึงระลึกไว้อยู่เสมอ เพื่อเตือนใจว่าในยุคที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ดังเช่น การเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งชี้ให้เห็นว่าการเป็นองค์กรที่มีศักยภาพในการปรับตัวนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง
Pingback: viagra buy online no prescription
Pingback: deposit bonus gonegambling games casino email
Pingback: 50mg viagra
Pingback: canada pharmacy cialis
Pingback: generic cialis 20 mg price
Pingback: sildenafil 50mg
Pingback: usa casinos bingo
Pingback: pills that look like viagra
Pingback: natural viagra food for male